Ads 468x60px

.

Sample Text

Sample text

Introduction

Social Icons

Blogroll

About

Blogger templates

Blogger news

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

USS Saratoga หนึ่งในเรือบรรทุกเครื่องบินแฝดคู่แรกของโลก

ยูเอสเอส ซาราโตก้า (ซีวี-3)
USS Saratoga (CV-3)

      ใครหลายๆคน ผมเชื่อได้ว่าคงได้น้อยคนที่จะรู้จักหนึ่งในเรือบรรทุกเครื่องบินแฝดลำแรกของโลกและมีชื่อเสียงที่สุด ว่ามีนามว่าอะไร และนี่แหละ คือหนึ่งในเรือบรรทุกเครื่องบินคู่แรกของสหรัฐและของโลก มีนามว่า "ซาราโตกา"
         ยูเอสเอส ซาราโตก้า (USS Saratoga) เป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน ฝาแฝดกับ เรือบรรทุกเครื่องบิน เล็กซิงตัน เพียงแต่ ซาราโตก้า สร้างเสร็จก่อน เล็กซิงตัน เท่านั้นเอง ซาราโตก้าสร้างในปี 1920 ประจำการในวันที่ 16 พฤศจิกายน 1927 ชื่อ "ซาราโตกา" นั้นมีการนำมาตั้งใหม่ในชื่อเรือรบสหรัฐถึง 5 ลำ
         ช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 มกราคม 1929 เรือได้แล่นไปเข้าร่วมภารกิจ กับกองเรือ 9 และได้เคลื่อนพลไปที่ปานามาเพื่อทำสงคราม และประสบความสำเร็จในการส่งเครื่องบินโจมตี แต่ก็เกือบถูกฝั่งศัตรูโจมตีที่สามารถทำให้เรืออัปปางได้ถึง 3 ครั้ง

ซาราโตก้าที่พูเจ็ต ในปี 1945

             ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1940 ซาราโตก้า ได้เคลื่อนเป็นเรือขนส่งทหารไปที่ ฮาวาย และนำไปบำรุงซ่อมแซมและอัปเกรดอีกด้วย
         เมื่อญี่ปุ่นได้ส่งทหารมาบุกเพิร์ล ฮาเบอร์ ในวันที่ 7 ธันวาคม 1941 เรือซาราโตก้า ได้อยู่ที่ท่าเรือ ซานดิเอโก้ ก็มีหน้าที่นำพล ยู.เอส.มารีน ไปเข้าเป็นหน่วยเสริมให้กับกองกำลังที่เกาะเวก ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีความพยายามที่ญี่ปุ่นจะบุกเกาะ เมื่อซาราโตก้ามาถึง ญี่ปุ่นก่อนต้องสูญเสียเรือพิฆาตไป 2 ลำ
        ซาราโตก้ามาถึงเพิร์ล ฮาเบอร์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1941 แต่ต้องหยุดการเดินทางก่อนที่จะไปถึงเนื่องจากน้ำมันหมด จึงต้องไปเติมน้ำมันจากกองกำลังสนับสนุนแทน ซึ่งใกล้ที่สุด เอนเทอร์ไพรซ์และซาราโตก้าก็อยู่ห่างไกลกับศัตรูมาก จึงทำหน้าเป็นเรือลาดตระเวน ในบริเวณรอบเกาะฮาวายแทน ในช่วงปี 1942 แต่ระหว่างนั้นเองก็ถูกตอร์ปิโดร์ จากเรือดำน้ำ I-6 ของญี่ปุ่น จึงต้องรีบกลับไปซ่อมที่เพิร์ล ฮาเบอร์
         ในยุทธการเกาะโซโลม่อน ซาราโตก้าได้ไป มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ในเดือนกรกฏาคม 1942 มีหน้าเปิดปฎิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก ที่เกาะฟิจิ ต่อจากนั้นในเืดือนสิงหาคม ได้มีหน้าที่โจมตีเกาะกัวดาลคานาล และมีหน้าที่ป้องกันทหารที่กำลังจะลงจากฝั่ง 
         ในวันที่ 23 สิงหาคม เรือซาราโตก้าเปิดฉากปะทะกับเรือบรรทุกเครื่องบินของญี่ปุ่น และสามารถทำลายเรือบรรทุกเครื่องบิน Ryūjō จมงทะเลได้ไปหนึ่งลำ และในช่วงบ่ายเรือก็ส่งเครื่องบินไปในบริเวณและได้โจมตี เรือบรรทุกเครื่องบินชีตอส (Chitose) ทำให้เรือเสียหายหนักแต่ไม่อัปปาง หลังจากนั้น ในสัปดาห์ต่อมาเรือได้ถูกเรือดำน้ำ I-26 ของญี่ปุ่นยิงตอร์ปิโดร์ จนเรือเสียหายแต่ไม่มีลูกเสียชีวิต จนต้องกลับไปซ่อมที่เพิร์ล ฮาเบอร์ ในวันที่ 21 พฤศจิกายน

ซาราโตก้า กับภาพสุดท้ายก่อนจะจมลงในมหาสมุทร
       ในปี 1945 ซาราโตก้าได้มาถึงอูราติ เพื่อมาเข้ากลุ่มเรือเดียวกับยูเอสเอส เอนเทอร์ไพรซ์ เมื่อมาถึง ชิชิ-จิมา ก็ได้ปะทะกับญี่ปุ่น โดยที่มีเครื่องบิน 6 ลำซึ่งเป็นปฏิบัติการคามิกาเซ่ ทำให้ดาดฟ้าซาราโตก้าเสียหายจึงต้องกลับไป เวสต์โคสต์เพื่อไปซ่อม          เมื่อสงครามยุติ ซาราโตก้า ก็ทำหน้าที่นำทหารกลับ จำนวน 3,712 คนสู่สหรัฐบ้านเกิด นอกจากนี้ยังได้รับการบันทึกว่า เป็นเรือที่พาทหารผ่านศึกกลับบ้านมากกว่า 29,204 คน และก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีเครื่องบินขึ้นลงมากที่สุด กว่า 98,549 ใน 17 ปีที่ได้ใช้มา
         จุดจบของเรือนั้นถือได้ว่าเป็นการจบเพื่อชาตินั้นคือ เป็นหนึ่งในเรือทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ และในวันที่ 15 สิงหาคม 1946 เรือก็ได้จมลงไปอย่างน่าเสียดาย เป็นการปิดฉากหนึ่งใน 2 เรือบรรทุกเครื่องบินแฝดคู่แรกของโลก.


ลักษณะจำเพาะ

  • ขนาด (ระวางขับน้ำ) : 37,000 ตัน
  • ความยาว : 270.7 เมตร
  • ความกว้าง : 32.8 เมตร
  • กินน้ำลึก : 9.9 เมตร
  • ความเร็วเต็มที่ : 33.25 น็อต (61.58 กม./ชม.)
  • บรรจุทหาร : 2,791 นาย
  • บรรจุเครื่องบินสูงสุด 78 ลำ
บลูปริ้น ซาราโตก้า


อาวุธประจำ ซาราโตก้า

  • ปืนใหญ่ขนาด 8 นิ้ว/55 แคล ชนิด 2 กระบอก มี 4 ป้อม
  • ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 5 นิ้ว/25 แคล 12 กระบอก
อ้างอิง















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น