Ads 468x60px

.

Sample Text

Sample text

Introduction

Social Icons

Blogroll

About

Blogger templates

Blogger news

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

USS Franklin เรือบรรทุกเครื่องบินที่อึดที่สุดแห่งกองทัพสหรัฐ

ยูเอสเอส แฟรงคลิน (ซีวี-13)
USS Franklin (CV-13)
   ภาพไฟแห่งสงคราม คือ ภาพที่น่ากลัวมาก เพราะมันคือความทรงจำอย่างหนึ่งที่ลืมได้ยาก น้อยคนนักที่จะลืมมันออกจากสมองได้ เว้นแต่คนคนนั้นจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆ ยูเอสเอส แฟรงคลิน ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งถูกฝั่งโจมตีอย่างหนัก จนแทบจะดูใช้การไม่ได้แล้ว แต่ก็สามารถแล่นเพื่อกลับไปซ่อมได้อีก ภาพที่เรือลำนี้เอียงใกล้จะจมก็ได้กลายเป็นภาพที่ดังที่สุดภาพหนึ่งของโลกและเป็นภาพที่เหล่าลูกเรือลำนี้ ยากต่อการลืมมันออกไป นี่แหละ คือเรื่องพิศวงของเรือ ยูเอสเอส แฟรงคลิน ที่หาเรือลำไหนมาเทียบไม่ได้ จริงๆ
     ยูเอสเอสแฟรงคลิน ( USS Franklin ) คือหนึ่งใน 24 ลำของเรือบรรทุกชั้นเอสเซ็กซ์ ( Essex-class ) มีชื่อเล่นว่า "บิ๊ก เบน" ถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้รับคำสั่งให้ต่อ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1942 และได้ปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 31 มกราคม 1944 ยูเอสเอส แฟรงคลิน นับว่าเป็นเรือลำหนึ่งที่ปฏิบัติงานหนักที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนได้รับแบทเทิลสตาร์ ถึง 4 ดวงด้วยกัน
     ยูเอสเอส แฟรงคลิน เป็นเรือที่ตั้งชื่อให้แก่ เบนจามิน แฟรงคลิน นักการเมือง นักประดิษฐ์ นักกฏหมาย เขาเป็นเกือบทุกๆอย่างเลยกว่าได้ รวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้นำร่วมก่อตั้งสหรัฐอีกด้วย โดยมี กัปตัน เจมส์ เอ็ม. ชูร์เมคเกอร์ ( James M. Shoemaker ) เป็นผู้บังคับบัญชาการเรือ

แฟรงคลินซึ่งได้รับความเสียหายจาก คามิกาเซ่
     เมื่อได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองเรือแปซิกฟิกแห่งกองทัพสหรัฐ โดยแล่นผ่านจาก เพิร์ล ฮาร์เบอร์ มุ่งตรงไปยัง ญี่ปุ่น โดยได้เข้าร่วมกองกำลัง นาวิกโยธิน ในการยกพลขึ้นบก บนเกาะโบนิน ( Bonin Island ) ซึ่งเครื่องบินจากแฟรงคลิน สามารถทำลายเครื่องบินฝั่งตรงข้ามได้หลายลำ ไม่ว่าจะที่จอดอยู่ในค่าย
หรือ บนอากาศ และยังทำลายปืนต่อต้านอากาศยานที่คอยดักโจมตีเครื่องบินด้วย ต่อจากนั้นก็ได้มุ่งไปยัง เกาะอิโวจิมา, ชิชิ จิมา และ ฮาฮา จิมา ได้ถล่มเป้าหมายหลายจุด จนทำให้เรือบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่อัปปางไปหลายลำและเกิดเพลิงไฟขนาดใหญ่ บริเวณท่าเรือ
     ในวันที่ 30 ตุลาคม 1944 ขณะที่ท้องทะเลยังเดือดกันอยู่ แฟรงคลินก็ได้ถูก คามิกาเซ่ ของญี่ปุ่นจนบนเรือได้รับความเสียหาย มีลูกเรือเสียชีวิต 56 นาย และบาดเจ็บอีก 60 นาย ต่อจากนั้นเรือก็ได้ส่งไปซ่อมที่พูเจ็ต ซาวด์ เนวี ยาร์ด ( Puget Sound Navy Yard ) ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 1944
     ในวันที่ 19 มีนาคม 1945 เรือก็ได้ลัดเลาะบริเวณน่านน้ำญี่ปุ่น ซึ่งห่างจากเกาะแม่เพียง 80 กม. เอง นับว่าเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่เข้าใกล้กับเกาะศัตรูมากกว่าเรือลำไหนๆ จนได้ปะทะกับ เรือที่ท่าโกเบะ ตามมาด้วย เครื่องบินของญี่ปุ่น ซึ่งได้ทิ้งระเบิดใต้น้ำ และตอปิโดร์ ทำให้ดาดฟ้าได้รับความเสียหาย รวมถึงด้านซ้ายของเรือ จนต่อมา
น้ำมันเริ่มร่วงออกมาจนเกิดเพลิงไหม้ เรือเริ่มเอียงข้างไปทางขวา ทำมุมประมาณ 13 องศา ซึ่งในขณะนั้นเรือสูญเสียการติดต่อ และตัวส่วนห้องเครื่อง ได้รับผลกระทบอย่างหนัก









ภาพที่โด่งดังที่สุดภาพหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 คือภาพขณะที่
ยูเอสเอส แฟรงคลิน เอียงไปทางขวา พร้อมกับลูกเรือบนดาดฟ้าเรือ
      ลูกเรือหลายต่อหลายคนเริ่มโดดลงทะเลกันแล้ว แต่ลูกเรือบางส่วน รวมถึง นาย
ทหารหลายต่อหลายนายก็ได้คอยพยุงเรือไว้ให้สุดความสามารถ ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุให้ลูกเรือเสียชีวิตไปกว่า 807 นาย และบาดเจ็บอีก 487 นาย นับเป็นเหตุการณ์การสูญเสียลูกเรือที่เลวร้ายที่สุดในการปฏิบัติการในมหาสมุทรแปซิกฟิก หลังจากนั้นไม่นาน เรือก็ได้รับความช่วยเหลือจาก ยูเอสเอส พิตส์เบิร์ก ( USS Pittsburgh ) จนสามารถลากกลับไปซ่อมได้ ซึ่งในขณะนั้น แฟรงคลิน แล่นด้วยความเร็วจากเชื้อเพลิงที่เหลือเพียง 16 น็อต จากที่เคยวิ่งได้ 33 น็อต จนนำไปซ่อมเบื้องต้นที่เกาะยูริติ  ก่อนจะส่งไปซ่อมเต็มที่ เพิร์ล ฮาเบอร์ และส่งต่อไปยังบลุคคลิน เนวี ยาร์ด ผ่านทางคลองปานามา โดยไปถึงเมื่อวันที่ 28 เมษายน 1945
     ภายหลังจากเรือถูกโจมตี ก็ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ขาว-ดำ ชื่อว่า "ทาสค์ ฟอร์ซ ( Task Force )" ในปี 1949 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ และ USS Langley โดยบางส่วนของภาพยนตร์ได้มีการนำภาพเหตุการณ์จริงซึ่งได้มีการบันทึกไว้ออกมาปรากฏบนจอด้วย  
     ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดอย่างหนึ่งที่ เรือโดนโจมตีอย่างหนักมาโดยตลอด แต่ก็สามารถรอดมาได้ ถึงแม้จะเสียหายหนักก็ตาม แต่ก็สามารถกอบกู้เรือมาได้ในสภาพที่นับว่าค่อนข้างดี (ภาพด้านบนสุด) ภายหลังจากสงคราม แฟรงคลินก็ได้เปิดรับให้เป็นเรือในวันงาน เนวี เดย์ และวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1947 และต่อจากนั้น เรือก็ถูกชำแหละในวันที่ 1 ตุลาคม 1944 และเศษเหล็ก ทั้งหมดก็ได้ถูกขายไป เป็นการปิดฉากตำนาน เรือที่อึดที่สุดในสหรัฐตั้งแต่เคยมีมา

    

ลักษณะจำเพาะ

  • ขนาด (ระวางขับน้ำ) : 27,100 ตัน
  • ความยาว : 266 เมตร
  • ความกว้าง : 45 เมตร
  • กินน้ำลึก : 8.66 เมตร
  • ความเร็วเต็มที่ : 33 น็อต (61 กม./ชม.)
  • บรรจุทหาร : 2,600 นาย
  • บรรจุเครื่องบินสูงสุด 90 -100 ลำ
บลูปริ้น ยูเอสเอส แฟรงคลิน
 
อาวุธประจำ แฟรงคลิน
  • ปืนใหญ่คู่ขนาด 5 นิ้ว (127 นิ้ว) 4 ฐาน
  • ปืนใหญ่เดี่ยวขนาด 5 นิ้ว (127 นิ้ว) 4 ฐาน
  • ปืนชนิด 4 กระบอก ขนาด 40 มม. จำนวน 8 ฐาน
  • ปืนใหญ่อัตโนมัติ ขนาด 20 มม./78 แคลลีเบอร์  46 กระบอก
อ้างอิง

 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น